โลกเปลี่ยน ไทยต้องปรับ ทางเลือกใหม่ของการเมืองไทย ก้าวข้ามความขัดแย้ง สานพลังประชาราษฎร์ ร่วมสร้างชาติให้ยั่งยืน

หมวดหมู่: กิจกรรม ศ.ดร. นฤมล ภิญโญสินวัฒน์

“ศ.ดร.นฤมล “ประกาศปักหมุดเขตราชเทวี ทุกคนต้องมีบ้านอาศัยที่มั่นงคง ตาม โครงการบ้านประชารัฐ 360 องศา เผย ไม่หวั่นผลโพล พปชร.กระแสไม่ดี เหตุเน้นตัวผู้สมัครแต่ละเขตเข้าถึง ปชช.ในพื้นที่ ไม่เน้นกระแสโซเชียล

,

“ศ.ดร.นฤมล “ประกาศปักหมุดเขตราชเทวี ทุกคนต้องมีบ้านอาศัยที่มั่นงคง ตาม โครงการบ้านประชารัฐ 360 องศา เผย ไม่หวั่นผลโพล พปชร.กระแสไม่ดี เหตุเน้นตัวผู้สมัครแต่ละเขตเข้าถึง ปชช.ในพื้นที่ ไม่เน้นกระแสโซเชียล

พรรคพลังประชารัฐ (พปชร.)นำโดย ศ.ดร.นฤมล ภิณโญสินวัฒน์ เหรัญญิก พรรค และหัวหน้าทีมผู้สมัคร กทม. ลงพื้นที่ชุมชนนิคมมักกะสัน แขวงมักกะสัน เขตราชเทวี กรุงเทพฯ ร่วมกับ นายพณิชย์ วิทยาภัทร์ ผู้สมัคร ส.ส. กทม. เขต 2 (เบอร์ 11)พรรคพลังประชารัฐ เพื่อพบปะกับประชาชน และรับฟังข้อเสนอแนะต่างๆ

โดย ศ.ดร.นฤมล กล่าวว่า นายพณิชย์ผู้สมัครของพรรคเราได้นำปัญหาต่าง ๆ ในชุมชนมักกะสันที่พี่น้องประชาชนประสบอยู่ก็คือ เรื่องที่อยู่อาศัย ซึ่งก็สอดคล้องกับนโยบายบ้านประชารัฐ ที่เราจะดำเนินการต่อยอดจาก พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ หัวหน้าพรรค พปชร.ที่ได้ทำเอาไว้ ที่คลองเปรมประชากร และคลองลาดพร้าว รวมทั้ง ชุมชนเชื้อเพลิง ซึ่งบริเวณนี้จะมีลักษณะคล้ายกันกับชุมชนเชื้อเพลิง คือที่ดินเป็นของการรถไฟ พื้นที่ตรงนี้อาจจะต้องมีการเจรจาในเรื่องของการขอเช่า เพื่อให้พี่น้องประชาชนได้สร้างบ้านพักที่อยู่อาศัย เพื่อที่จะมาปรับปรุง บ้านที่อยู่อาศัยให้ดีขึ้น โดยที่พี่น้องประชาชนพร้อมที่จะลงทุนในบ้าน โดยทางพรรคมีโครงการ นโยบายต่างๆรองรับ มีเอกชนเข้ามาร่วมลงทุน จึงมีความพร้อมที่จะมาร่วมผลักดัน ให้เกิดบ้าน ที่มีสภาพมั่นคงมากยิ่งขึ้น

“บ้านไม่ได้ เป็นเพียงบ้านพักอาศัย เราต้องเข้าใจวิถีชีวิต ของพี่น้องที่อยู่อาศัยตรงนี้ด้วย เมื่อเขาปักหลักตรงนี้ ก็คือชีวิตเขาทั้งหมดอยู่ตรงนี้ การที่จะ ให้ย้ายไปอยู่ที่อื่น ก็ต้องไปเริ่มต้นชีวิตใหม่หมด ซึ่งเหมือนกับทุกชุมชนที่ไม่ต้องการเช่นนั้น เขาขอแค่แบ่งพื้นที่จำนวนหนึ่ง พอที่จะสร้างเป็นที่อยู่อาศัยให้สามารถทำมาหากิน ลูกหลานได้เรียนหนังสือ และยังชีพตรงนี้ได้เช่นเดียวกัน เราสัญญากับพี่น้องประชาชนว่า เมื่อผู้สมัครเข้าไปในสภา จะไปผลักดันตรงนี้ พรรคพลังประชารัฐก็จะผลักดันตรงนี้ให้เกิดขึ้น บ้านประชารัฐ ชุมชนมักกะสัน อย่างแน่นอน”ศ.ดร.นฤมล กล่าว

นอกจากนี้ ศ.ดร.นฤมล กล่าวต่อว่า เราวางแบบบ้านประชารัฐเอาไว้ จะไม่ได้สร้างเป็นบล็อกๆ แต่จะออกแบบให้น่าอยู่สวยงามเหมาะสมกับสภาพพื้นที่และเป็นจุดเช็คอินใหม่สำหรับนักท่องเที่ยวทั้งในประเทศไทยและต่างชาติที่จะเข้ามาเที่ยวในชุมชนมักกะสันแห่งนี้ ดูวิถีชีวิต เหมือนที่เราไปญี่ปุ่น อย่างหมู่บ้านเล็กๆเขาอยู่กันอย่างไร ตรงนี้ก็จะเป็นจุดเช็คอินที่เราหวังว่าจะทำ ให้เกิดขึ้น และภายในบ้านเองจะพัฒนาให้ตรง กับผู้อยู่ เพราะแต่ละครัวเรือนก็มีผู้อยู่อาศัยไม่เหมือนกัน ซึ่งจะมีผู้สูงอายุ มีเด็กเล็ก มีผู้ป่วยติดเตียง ก็ต้องออกแบบสัดส่วน ที่อยู่อาศัยให้เหมาะสม ตรงใจผู้อยู่ ตรงนี้เป็นแนวนโยบายของบ้านประชารัฐ

ศ.ดร.นฤมล ยังให้สัมภาษณ์ถึงภาพรวมการหาเสียงในพื้นที่ กทม.ว่า ตอนนี้ยังไม่พบอุปสรรคที่ต้องกังวล แต่สิ่งที่เร่ง 8-9 วันสุดท้ายคือลงในพื้นที่เป้าหมาย ที่คิดว่า มีโอกาสจะชนะ และในพื้นที่ ๆ เราคิดว่าอยากเข้าไปพัฒนาเช่น ชุมชนมักกะสันแห่งนี้ ซึ่งผู้สมัครได้ลงพื้นที่มา 4 ปีแล้วและมีความมั่นใจว่าจะสามารถแก้ปัญหาให้กับพี่น้องประชาชนในชุมชนได้ตลอดทั้งเขต ซึ่งมันไม่ใช่แค่บ้านอย่างเดียวแต่มันเป็นวิถีชีวิตของพี่น้องในชุมชน และไม่ใช่เรื่องสวัสดิการและการจ่ายเงินอย่างเดียว เขาต้องการความมั่นคงยั่งยืนและมีอาชีพ มีรายได้ และมีที่เรียนซึ่งเป็นสิ่งที่ ผู้สมัคร และ พรรคพลังประชารัฐ เข้ามาลงในรายละเอียด จะมาพัฒนาให้กับพี่น้องมีอาชีพทักษะรายได้ มีงานทำ และมีรายได้เพิ่มขึ้นอย่างไรบ้าง

ส่วนกรณีที่ผลโพลที่ออกมาขณะนี้ พรรค พปชร.ดูเหมือนกระแสยังไม่ดีเท่ากับพรรคอื่นๆ ศ.ดร.นฤมล กล่าวว่า เราเน้นที่เขต เราไม่ได้เน้นเรื่องการทำกระแสเพราะพรรคมีการเปลี่ยนแปลงตลอด ในช่วงระยะเวลา 2-3 ปี มันเป็นเรื่องสินค้าที่ยากในการตามกระแส แต่ ทางพรรคเน้นตัวผู้สมัคร อย่างไรก็ตาม กทม.ก็จะเน้นที่เขต อย่างเขตของแป๊บ พณิชย์ เรามั่นใจว่าได้แน่ และอีกประมาณ 11 เขตเราก็มั่นใจ ในต่างจังหวัดก็เช่นเดียวกัน ซึ่งอาจจะไม่ตรงกับโพลที่มักจะอิงกระแสโซเชียลมีเดีย และภาพรวมแต่ถ้าโฟกัส เรื่องตัวเขต 70-90% เรามั่นใจ

ด้านนายพณิชย์ จากการที่ลงพื้นที่ตรงนี้มา ตลอด 3 ปีกว่าจะ 4 ปีเห็นปัญหาอย่างแรกคือ การที่รถไฟ หรือหน่วยงานอื่นๆต้องการขอพื้นที่ ซึ่งไม่ใช่แค่ให้ประชาชนหรือชาวบ้านย้ายที่อยู่ อย่างแรกต้องหาอาชีพให้ก่อนถึงจะย้าย ซึ่งจะเป็นการเปลี่ยนวิถีชีวิตค่อนข้างมาก จึงแนะนำว่าควรหาอาชีพเสริม และอาชีพหลักให้กับประชาชนรวมถึง เรื่องสถานศึกษาก็สำคัญ เพราะเยาวชนที่นี่เรียนในพื้นที่กันหมด

นายพณิชย์ ยังกล่าวถึง การหาอาชีพที่ พปชร.เรากำลังผลักดันในเรื่องของการฝึกอาชีพแต่การฝึกอาชีพ อย่างเดียวก็เป็นเรื่องยากสำหรับประชาชนและชาวบ้าน จึงเสนอว่าในหลายชุมชน เช่น พวงมาลัย ที่ร้อยอยู่ขายตามสี่แยก ถูกจ้าง ร้อยโดยชาวบ้านบริเวณนี้ โดย ได้ ค่าจ้างทวงละ 50 สตางค์ หรือพวงละ 1 บาท ซึ่งหมายความว่า ชาวบ้านอาจจะไม่ถนัด ที่จะไปขายเอง แต่ถ้ามีผู้ที่ต้องการแรงงานฝีมือในราคาไม่แพง สามารถแข่งขันได้ ประชาชนหรือชาวบ้านสามารถทำได้ ซึ่งหากพัฒนาตรงนี้ได้ ทำอย่างไรให้มีมูลค่ามากกว่านี้ ก็สามารถทำได้

“เบื้องต้นก่อนที่จะโครงการจะเริ่ม 3 ปี ที่ได้มาพัฒนาปรับปรุงอย่างแรกคือ ขอสปอนเซอร์มาติดไฟ โซล่าเซลล์ในชุมชนที่เป็นมุมอับ เพื่อดูแลเรื่องความปลอดภัยได้และถ้ามีโอกาสเป็น ส.ส พรรคพลังประชารัฐ เป็นรัฐบาลพวกเราก็จะร่วมแก้ปัญหาเรื่องที่อยู่อาศัยและอาชีพ ไปพร้อม ๆ กัน”

ที่มา: ทีมประชาสัมพันธ์ พรรคพลังประชารัฐ
วันที่: 5 พฤษภาคม 2566

“ศ.ดร.นฤมล” ตะลุยหาเสียงตลาดน้อมจิตต์ช่วย “บ๊ะ นฤมล” เขต14 เบอร์5มั่นใจเสียงตอบรับปชช.พอใจนโนยบายเบี้ยผู้สูงวัย รอตั้งกองทุนหนุนธุรกิจขนาดเล็ก

,

“ศ.ดร.นฤมล” ตะลุยหาเสียงตลาดน้อมจิตต์ช่วย “บ๊ะ นฤมล” เขต14 เบอร์5มั่นใจเสียงตอบรับปชช.พอใจนโนยบายเบี้ยผู้สูงวัย รอตั้งกองทุนหนุนธุรกิจขนาดเล็ก

4 พ.ค. 2566. พรรคพลังประชารัฐ (พปชร.)นำโดย ศ.ดร.นฤมล ภิณโญสินวัฒน์ เหรัญญิกเปิดเผยว่า ได้ลงพื้นร่วมกับ นางนฤมล รัตนาภิบาล ผู้สมัคร ส.ส. กทม. เขต 14 บางกระปิ วังทองหลาง เบอร์ 5 พรรคพลังประชารัฐ พบปะผู้ค้า และประชาชนบริเวณ ตลาดนัดน้อมจิตต์ แขวงคลองจั่น เขตบางกะปิ ซึ่งพื้นที่นี้ถือเป็นพื้นที่เศรษฐกิจ และเป็นพื้นที่เป้าหมายของพรรค เพราะเคยได้รับความไว้วางใจจากพี่น้องประชาชน ในการทำหน้าที่ส.ส. และครั้งนี้เนื่องจากผู้สมัคร โดยนางนฤมล ถือว่ามาจากสมาชิกสภาเขต(สข.) เขตบางกะปิ มีความเข้าใจในปัญหาของพื้นที่ เพราะได้ลงพื้นที่มาอย่างยาวนาน ทำให้มีความมั่นใจและเข้าใจในปัญหาของประชาชนในด้านต่างๆ เป็นอย่างดี จึงอยากฝากให้พี่น้อง เลือกตัวแทนที่มีความเข้าใจ ในการแก้ปัญหาให้เห็นผลอย่างแท้จริง

ขณที่ พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ หัวหน้าพรรคพลังประชารัฐ ได้มอบนโยบายให้ผู้สมัครลงพื้นที่อย่างต่อเนื่อง โดยเฉพาะพื้นที่เป้าหมายที่เป็นพื้นที่เศรษฐกิจ ซึ่งได้รับฟังปัญหาต่างๆ ที่นางนฤมล ได้นำ เสียงสะท้อนมาเสนอ ต่อคณะกรรมการบริหารถึงความต้องการที่จะได้รับการดูแล และการสนับสนุน ทั้งในเรื่องการหาแหล่งเงินทุน เพื่อประกอบอาชีพที่มั่นคง นับเป็นเรื่องที่หลายคนฝากความหวังไว้กับพรรคพลังประชารัฐ รวมถึงนโยบายทึ่จะช่วยเหลือลดค่าของชีพที่เป็นปัญหาของผู้มีรายได้น้อย

นางนฤมล ผู้สมัครเขต กล่าวว่า วันนี้ได้ดร.นฤมล มาร่วมเดินหาเสียงเพื่อบอกกล่าวกับประชาชน ถึงนโยบายของพรรค ในเรื่องต่างๆ ที่จะทำให้กับพี่น้องประชาชนทั้งการลดค่าของชีพ การเข้าถึงแหล่งเงินทุนของการประกอบธุรกิจใน เขตบางกะปิ ที่มีทั้งย่านธุรกิจ รายเล็ก รายน้อย และยังมีสถาบันการศึกษาหลายแห่ง รวมถึงเป็นชุมทางสัญจรเข้าสู่กรุงเทพชั้นใน ซึ่งมั่นใจว่านโยบายจะเข้าถึงประชาชน เพราะที่ผ่านมาพี่น้องบางกะปิกลุ่มผู้สูงอายุต่างชื่นชอบนโยบายการเพิ่มเบี้ยยังชีพผู้สูงอายุ 60 ปีจะได้ 3,000.บาท อายุ 70 บาทปีจะได้ 4,000 บาท อายุ 80 ปีขึ้นไปอายุ 5,000 บาท เพราะเป็นนโยบาย ที่รอคอยและฝากความหวังถ้าพล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ หัวหน้าพรรคเข้ามาเป็นนายกรัฐมนตรี เพื่อที่จะทำให้ผู้สูงอายุอยู่อย่างเป็นสุข ลดการพึ่งพาลูกหลานและมีศักดิ์ศรีเป็นของตัวเอง

นอกจากนี้ ยังได้รับเสียงสะท้อนที่เกิดขึ้นในพื้นที่และนโยบายที่เกี่ยวกับผู้ประกอบการผู้ค้ารายเล็กรายน้อยที่อยากจะได้เงินกู้จากกองทุนประชารัฐ 300,000 ล้านบาท เพื่อต่อยอดธุรกิจหลังจากที่ได้รับผลกระทบจากโควิด19 และต้องปิดกิจการไป ให้สามารถกลับมาประกอบกิจการใหม่อีกครั้ง ซึ่งพปชร.สามารถทำงานให้กับพี่น้องประชาชนได้อย่างเต็มที่ เมื่อหัวหน้าพรรคสามารถขึ้น เป็นผู้นำประเทศได้ ก็จะนำมาสู่การแก้ปัญหาต่างๆได้เป็นอย่างดี เนื่องจากเป็นนักประสานให้ทุกหน่วยงาน ที่จะเข้ามาร่วม แก้ปัญหาต่างๆจนสามารถจะพลิกวิกฤตเศรษฐกิจของไทยให้คนไทยมีความเป็นอยู่ที่มีชีวิตที่ดีขึ้น

ที่มา: ทีมประชาสัมพันธ์ พรรคพลังประชารัฐ
วันที่: 4 พฤษภาคม 2566

“ศ.ดร.นฤมล” ควง “อ้น ณิรินทร์”ผู้สมัคร พปชร.คันนายาว ลงพื้นที่ศูนย์พัฒนาเด็กเล็กรับฟังปัญหา มั่นใจ พปชร.พร้อมดูแล ปชช.ทุกช่วงวัย เพื่อเพิ่มคุณภาพชีวิต สร้างครอบครัวให้เข้มแข็ง

,

“ศ.ดร.นฤมล” ควง “อ้น ณิรินทร์”ผู้สมัคร พปชร.คันนายาว ลงพื้นที่ศูนย์พัฒนาเด็กเล็กรับฟังปัญหา มั่นใจ พปชร.พร้อมดูแล ปชช.ทุกช่วงวัย เพื่อเพิ่มคุณภาพชีวิต สร้างครอบครัวให้เข้มแข็ง

พรรคพลังประชารัฐ (พปชร.) นำโดย ศ.ดร.นฤมล ภิญโญสินวัฒน์ หัวหน้าทีมผู้ดูแลการเลือกตั้งในพื้นที่กรุงเทพมหานคร (กทม.) ลงพื้นที่ ซอยเสรีไทย 4 เขตคันนายาว ชุมชนซอยสมหวัง เพื่อพบปะประธานกลุ่มผู้สูงอายุ และอาจารย์ดูแลศูนย์พัฒนาเด็กเล็กก่อนวัยเรียนชุมชนสมหวัง ร่วมกับ น.ส.ณิรินทร์ เงินยวง (อ้น) ผู้สมัคร ส.ส.กทม. เขต 15 เบอร์ 8 เขตคันนายาว-บึงกุ่ม (เฉพาะแขวงคลองกุ่ม)เพื่อสอบถามปัญหาและอุปสรรคในการจัดการศูนย์พัฒนาเด็กเล็ก ในสังกัดกรุงเทพมหานคร ที่มีจำนวนนักเรียนประมาณ 170 คน โดยรับการดูแลเด็กทั้งในชุมชนและชุมชนใกล้เคียง ซึ่งพบว่าสวัสดิการไม่เหมือนครูทั่วไป ทั้งในด้านค่ารักษาพยาบาล เงินเดือนประจำ ซึ่งควรได้รับความเท่าเทียมเช่นเดียวกับข้าราชการครู ซึ่ง พปชร.ให้ความสำคัญในเรื่องดังกล่าว เนื่องจากศูนย์เด็กเล็กเป็นจุดเริ่มต้นของการพัฒนาคนให้มีคุณภาพและเป็นกำลังสำคัญในการพัฒนาประเทศ

ศ.ดร.นฤมล กล่าวว่า พรรคให้ความสำคัญในการจัดตั้งศูนย์พัฒนาเด็กเล็กทั่วประเทศ ซึ่งเป็นไปในทิศทางเดียวกัน ที่เห็นความสำคัญในการยกระดับชีวิต เพื่อเปิดโอกาสให้พ่อ แม่สามารถไปประกอบอาชีพได้โดยไม่ต้องกังวล ซึ่งปัจจุบัน ยังมีคุณพ่อเลี้ยงเดี่ยว และคุณแม่เลี้ยงเดี่ยวจำนวนมาก ดังนั้นการผลักดันให้มีศูนย์พัฒนาเด็กเล็กที่มีคุณภาพทั่วกรุงเทพ และทั่วประเทศ เราจะได้หมดห่วงเรื่องของคุณภาพของเด็ก ตัวอย่าง ของ”ชุมชนสมหวัง”ที่สามารถดูแลพัฒนาการได้อย่างต่อเนื่อง ขณะเดียวกันยังช่วยจัดหาแหล่งเงินทุนอื่นๆสนับสนุน ในการพัฒนาการของเด็กในชุมชนได้อย่างเท่าเทียม เพื่อลดปัญหาทางสังคมได้อย่างยั่งยืน

“เรื่องของการพัฒนาการของเด็ก และแม่ เป็นเรื่องที่พรรคให้ความสำคัญ จึงมีนโยบายดูแลสตรีเป็นพิเศษ ในนโยบายดูแลทุกช่วงวัย “แม่ บุตร ธิดา ประชารัฐ” จะเห็นว่า ดูแลตั้งแต่เริ่มตั้งแต่ในครรภ์ จนถึงเดือนที่ 5-9 ที่จะใกล้คลอด โดยเราจะสนับสนุนค่าดูแลเดือนละ 10,000 บาท เป็นเวลา 5 เดือน จนกว่าจะคลอด และมีนโยบายดูแลเด็กแรกเกิด จนถึง 6 ขวบ ได้เดือนละ 3,000 บาท”

ศ.ดร. นฤมล กล่าวต่อว่า เขตคันนายาวและบึงกุ่ม เป็นอีกพื้นที่หนึ่งที่พรรคให้ความสำคัญ ซึ่งเรามี “อ้น ณิรินทร์ เงินยวง ผู้สมัคร ส.ส.กทม. เขต 15 เบอร์ 8 “ ที่พร้อมเข้ามาดูแล และให้การช่วยเหลือชุมชนอย่างเต็มกำลัง โดยพร้อมผลักดันสิทธิสตรี คนชรา การส่งเสริมสุขภาพจิต เพื่อยกระดับคุณภาพชีวิต และลดความเหลื่อมล้ำอย่างแท้จริง ทั้งนี้ในพื้นที่ทั่วประเทศ พปชร.มีผู้สมัครอยู่ครบทุกเขต ที่จะพร้อมจะทำงานให้กับประชาชน และขอฝากขอความเมตตาพี่น้องชาว กทม.ช่วยเลือกผู้แทนจากพรรคพลังประชารัฐ ทั้ง 33 เขตใน กทม. เราก็หวังว่าจะได้เข้าไปรับใช้พี่น้องประชาชนกทม. ในการทำงตามนโยบายต่างๆซึ่งจะทำให้เกิดการพัฒนาคุณภาพชีวิตที่ดีขึ้นของคน กทม.

ด้าน น.ส.ณิรินทร์ กล่าวว่า ปัญหาของศูนย์พัฒนาเด็กเล็ก ไม่ว่าจะเป็น ค่าอาหารกลางวัน ได้เพียงวันละ 32 บาทต่อหัว อุปกรณ์การเสริมทักษะ ขาดแคลนในการจัดซื้ออุปกรณ์ที่เหมาะกับพัฒนาการของเด็ก ซึ่งปัจจุบันต้องอาศัยเงินบริจาคคนในชุมชน โดยศูนย์แห่งนี้เป็นสถานที่ดูแลเด็กเล็กของชุมชนที่ต้องให้เวลาในการดูแลมากกว่าปกติ เนื่องจากสถานะครอบครัวที่พ่อแม่ต้องออกไปประกอบอาชีพตั้งแต่เช้าและกลับค่ำ ทำให้คุณครูประจำศูนย์ต้องทำงานหนักขึ้น ไม่สอดรับกับอัตราจ้างเป็นรายวัน ส่งผลให้จำนวนครูผู้สอนไม่สอดคล้องกับจำนวนเด็กนักเรียน ซึ่งปัญหาเหล่านี้จะนำเสนอต่อผู้บริหารของพรรคเพื่อผลักดันให้เกิดการแก้ไขปัญหาต่อไป เพื่อให้เกิดแรงจูงใจในการหาบุคคลากรที่มีคุณภาพให้เพียงพอ

น.ส.ณิรินทร์ กล่าวต่อว่า พปชร.ยังให้ความสำคัญในเรื่องของกลุ่มผู้สูงอายุ ซึ่งเป็นกลุ่มเปราะบางที่ พรรคมีนโยบายเข้าไปยกระดับคุณภาพชีวิต นอกจากสวัสดิการที่พปชร. มีนโยบายผลักดันให้เกิดขึ้น ทั้งการเพิ่มสวัสดิการ 700 บาทต่อเดือน และเงินทุนประกันอีก 200,000 บาท และเงินเริ่มต้นประกอบอาชีพ 30,000 บาท และเงินกู้วงเงินไม่เกิน 50,000 บาทเพื่อประกอบอาชีพ นับว่าเป็นนโยบายที่ประชาชนให้การตอบรับเป็นอย่างดี โดยเฉพาะชุมชนที่ต้องการสวัสดิการเพื่อการดูแลคุณภาพชีวิต ให้สามารถยืนได้ด้วยตนเอง”

“ส่วนใหญ่อ้นจะลงพื้นที่ชุมชนเองทุกกลุ่ม และเดินเข้าไปหาตามบ้านเอง เสียงตอบรับก็จะดี และก็คล้ายๆกันไม่ว่าจะมีเรื่องศูนย์สุขภาพเด็ก หรือว่าศูนย์พัฒนาเด็กเล็กหรือเรื่องวัคซีนหรือเรื่องต่างๆ ทั้งนี้ อ้นขอฝากให้พี่น้องประชาชนเลือกทั้งพรรคทั้งคน เพราะเราจะได้เข้าไปบริหารร่วมกันทั้งตัวบุคคล และตัวพรรค”

ที่มา: ทีมประชาสัมพันธ์ พรรคพลังประชารัฐ
วันที่: 27 เมษายน 2566

“ศ.ดร.นฤมล”นำทัพว่าที่ผู้สมัคร ส.ส.กทม.โซนธนบุรีเหนือ เปิดเวทีปราศรัย ขอโอกาสเลือก พปชร.ทั้งคนทั้งพรรค ลั่นส่งนโยบายสวัสดิการคนเมืองให้ชาว กทม.

1 เม.ย. 2566 พรรคพลังประชารัฐ จัดเวทีปราศรัยย่อยโซนธนบุรีเหนือ”พลังใหม่ พลังกรุงเทพ พลังประชารัฐ”ที่ สวนสาธารณะใต้สะพานพระราม 8 โดยมีแกนนำพรรคพลังประชารัฐ นายชัยวุฒิ ธนาคมานุสรณ์ รองหัวหน้าพรรคพลังประชารัฐ ,ศ.ดร.นฤมล ภิญโญสินวัฒน์ เหรัญญิกพรรคพลังประชารัฐ ในฐานะผู้ดูแลกำกับการเลือกตั้งพื้นที่ กทม.และนายสกลธี ภัททิยกุล หัวหน้าทีมว่าที่ผู้สมัคร ส.ส.กทม. พร้อมด้วยว่าที่ผู้สมัคร ส.ส.กทม.ทั้ง 5 เขต ประกอบด้วย นายอนุชาญ กวางทอง เขตบางขุนเทียน (เฉพาะแขวงท่าข้าม) เขตจอมทอง (ยกเว้นแขวงบางขุนเทียน),นายศันสนะ สุริยะโยธิน เขตธนบุรี (ยกเว้นแขวงวัดกัลยาณ์ แขวงหิรัญรูจีและแขวงบางยี่เรือ) เขตคลองสานเขตราษฎร์บูรณะ (เฉพาะแขวงบางปะกอก),น.ต.นิธิ บุญยรัตกลิน เขตทวีวัฒนา เขตตลิ่งชัน (ยกเว้นแขวงบางเชือกหนัง),น.ส.บุณณดา สุปิยพันธุ์ เขตบางกอกน้อย (เฉพาะแขวงศิริราช) เขตบางกอกใหญ่ เขตภาษีเจริญ (ยกเว้นแขวงบางหว้า แขวงบางแขวงบางด้วนและแขวงคลองขวาง) เขตตลิ่งชัน (เฉพาะแขวงบางเชือกหนัง) เขตธนบุรี (เฉพาะแขวงวัดกัลยาณ์ แขวงหิรัญรูจีและแขวงบางยี่เรือ) และ นายคมสัน พันธุ์วิชาติกุล เขตบางพลัด เขตบางกอกน้อย (ยกเว้นแขวงศิริราช)

ศ.ดร.นฤมล กล่าวปราศรัยบนเวทีว่า วันนี้ดีใจที่ว่าที่ผู้สมัคร ส.ส.กทม.ของพรรคพลังประชารัฐ ได้มาพบกับชาวฝั่งธน เมื่อปี 62 เราได้รับความเมตตาจากชาวฝั่งธนเลือกผู้สมัครจากพรรคของเรา ในปีนี้เราก็ขอความเมตตาอีกครั้ง แต่ขอเพิ่มเติมอีก 5 เขต นโยบายของพรรคเราครั้งนี้ เป็นพรรคการเมืองแรกที่พูดถึงการดูแลสวัสดิการของพี่น้องประชาชนชาวไทยไม่เคยมีใครพูดถึงมาก่อน ทุกพรรคการเมืองต่างนำถึงรัฐสวัสดิการทั้งหมด แต่เราคือภาพแรกที่เรียกว่า สวัสดิการประชารัฐและเราไม่ใช่แค่พูด แต่พรรคได้ดำเนินการมาต่อเนื่อง ในการทำบัตรประชารัฐขึ้นตั้งแต่ปี 61 โดยเริ่มต้นจากการดูแลกลุ่มเปราะบางก่อนก็คือกลุ่มผู้มีรายได้น้อยไม่เกิน 100,000 บาทต่อปีก็จะได้รับการดูแลจากภาครัฐ และในอนาคตบัตรประชารัฐ จะดูแลครอบคลุมคนไทยทั้ง 67,000,000 คน ไม่จำเป็นจะต้องมีรายได้น้อยก็จะได้รับการดูแล

ศ.ดร.นฤมล กล่าวต่อว่า ชาว กทม.ควรมีสวัสดิการคนเมือง ไม่ว่าจะเป็นการดูแลค่าน้ำ ค่าไฟ ดูแลเรื่องที่พักอาศัย เปลี่ยนจากค่าเช่าบ้านไปกลายเป็นเงินผ่อนบ้านในนโยบายบ้านประชารัฐ 360 องศา รวมไปถึงค่าเดินทาง ค่าไฟ ที่เป็นภาระในการใช้ชีวิตแต่ละวัน ซึ่งผู้สมัคร กทม.ของพรรคพลังประชารัฐ ได้ให้ความสำคัญกับเรื่องเศรษฐกิจปากท้องของชาวกทม.จึงได้มาพูดคุยกันว่า จะใช้วิธีการใดที่จะไม่เกิดเป็นภาระต่อภาษีของประชาชน และมุ่งเน้นให้ประชาชนกินดีอยู่ดีอย่างยั่งยืนมากขึ้น โดยเฉพาะการแก้ไขปัญหาความยากจน ซึ่งเป็นปัญหาสำคัญของเศรษฐกิจฐานราก เราต้องหาแหล่งเงินเพื่อพัฒนาประเทศ

“เราจึงได้ข้อสรุปว่าจะใช้ศักยภาพของตลาดทุนทั้งในและต่างประเทศด้วยการส่งเสริมให้มีการจัดตั้งกองทุนที่จะมาพัฒนาธุรกิจเพื่อสังคม หรือ Social Enterprise (SE) ที่มีพระราชบัญญัติรองรับอยู่แล้ว นำมาพัฒนาเศรษฐกิจฐานราก โดยกลไกของตลาดทุนจะเปิดให้ทุกฝ่ายเข้ามามีส่วนร่วมในการพัฒนามากขึ้น แทนที่เราจะเก็บภาษีคนรวยมาช่วยคนจน เราก็ให้คนที่มีเงินเหลือใส่เงินผ่านกองทุนแล้วใช้กลไกกำกับดูแลให้ SE ลงไปทำงานในพื้นที่ก็จะพัฒนาอย่างต่อเนื่อง”ศ.ดร.นฤมล กล่าว

ศ.ดร.นฤมล กล่าวต่อว่า การดำเนินงานดังกล่าวเป็นแนวทางที่หลายประเทศได้นำไปใช้แล้วเปิดให้ทุกฝ่ายเข้ามามีส่วนร่วมการแก้ไขปัญหาก็จะยั่งยืน ดังนั้นกองทุนดังกล่าวก็จะทำให้เกิดการจ้างงานเพิ่มในท้องถิ่น เกิดขึ้นโดยเฉพาะเด็กจบใหม่ก็จะเป็นผู้ประกอบการรายใหม่ หรือ ธุรกิจสตาร์ทอัพ โดยใช้แหล่งเงินจากส่วนนี้ทำให้เกิดการพัฒนาในท้องถิ่น กระจายความเจริญสู่ต่างจังหวัด ไม่ใช่เฉพาะพื้นที่ กทม.แต่พรรคพลังประชารัฐ จะใช้กลไกนี้ทั่วประเทศ

“การเลือกตั้งครั้งนี้มีการใช้บัตร 2 ใบ ผู้สมัครกับพรรคใช้คนละเบอร์กัน ต้องขอให้พี่น้องทุกคนจดจำหมายเลขของผู้สมัครให้ดี พรรคพลังประชารัฐ เรามองไปถึงการพัฒนาอย่างยั่งยืน ไม่ได้ต้องมาแข่งเรื่องตัวเลขว่าพรรคการเมืองใด ใครให้มากน้อยกว่ากัน แต่เราต้องการสร้างความมั่นคงให้กับประชาชนทุกคน เราจึงต้องขอโอกาสประชาชนให้เลือกทั้งคนทั้งพรรค เพื่อที่เราจะเข้าไปสานต่อนโยบายดี ๆ เพื่อคนไทยทุกคน”ศ.ดร.นฤมล กล่าว

ด้านนายศันสนะ ได้กล่าวกับประชาชนว่า จากอดีตตนเคยเป็นผู้สมัคร ส.ส.ในปี 62 มาวันนี้ ตนยังเป็นศันสนะ สุริยะโยธิน ศัน คนเดิม ของคนคลองสาน,ธนบุรี และราษฎร์บูรณะ ตลอด 4 ปีที่ผ่านมา ตนทำงานโดยตลอด ไม่เคยทอดทิ้งกัน ซึ่งตนได้รับความไว้วางใจจากผู้บริหารพรรคให้ดูแลพื้นที่เรื่อยมา โดยเน้นไปที่พี่น้องกลุ่มเปราะบางในพื้นที่ ก็ถือว่าได้ร่วมทุกข์ร่วมสุขกันในช่วงวิกฤติการณ์โควิด 19

“วันนี้สิ่งที่ผมต้องการจะผลักดันให้กับชาว กทม.ก็คือการสร้างงาน สร้างอาชีพ หาเงินทุน แก้ปัญหาปากท้อง นโยบายกองทุน SE ไม่ใช่นโยบายขายฝัน เราทำได้จริง และเราพร้อมจะผลักดัน Soft Power ด้านการท่องเที่ยว ให้มีคนเข้ามาเที่ยวในชุมชน ในเขต รวมถึงผลิตสินค้า หรือบริการประจำถิ่นมาขาย โดยพรรคพลังประชารัฐ จะเพิ่มความเป็นได้ให้เข้าถึงแหล่งเงินทุนให้ง่ายขึ้นด้วยกองทุน SE เพื่อที่คนรุ่นใหม่หางานได้ คนรุ่นใหญ่มีงานทำ

ที่มา: ทีมประชาสัมพันธ์ พรรคพลังประชารัฐ
วันที่: 1 เมษายน 2566

ศ.ดร.นฤมล”นำทีมว่าที่ผู้สมัคร กทม.เร่งขับเคลื่อนแผน“เพิ่มพลังทุน เพิ่มพลังศก.”ชูผุดกองทุนธุรกิจเพื่อสังคมลดพึ่งงบรัฐเสริมแกร่งฐานราก

,

ศ.ดร.นฤมล”นำทีมว่าที่ผู้สมัคร กทม.เร่งขับเคลื่อนแผน“เพิ่มพลังทุน เพิ่มพลังศก.”ชูผุดกองทุนธุรกิจเพื่อสังคมลดพึ่งงบรัฐเสริมแกร่งฐานราก

พรรคพลังประชารัฐ (พปชร.) จัดสัมนาแลกเปลี่ยนความคิดเห็นระหว่างว่าที่ผู้สมัคร ส.ส. กทม. ตัวแทนชุมชน นักวิชาการสายเศรษฐศาสตร์ และผู้ประกอบการ เพื่อนำไปสู่การขับเคลื่อนนโยบาย พปชร. ภายใต้หัวข้อ “เพิ่มพลังทุน เพิ่มพลังเศรษฐกิจ” นำโดย ศ.ดร.นฤมล ภิญโญสินวัฒน์ เหรัญญิกพรรคพลังประชารัฐ (พปชร.) พร้อมด้วย นางนฤมล รัตนาภิบาล, นายศันสนะ สุริยะโยธิน และนายกิตติภูมิ นีละไพจิตร์ ตัวแทนว่าที่ผู้สมัครสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร (ส.ส.) กทม. พรรคพลังประชารัฐ (พปชร.)

โดย ศ.ดร.นฤมล ภิญโญสินวัฒน์ เหรัญญิกพปชร. กล่าวว่า ผู้สมัคร กทม.ของพรรคพลังประชารัฐได้ให้ความสำคัญกับเรื่องเศรษฐกิจปากท้องของชาว กทม จึงได้มาพูดคุยกันว่า จะใช้วิธีการใดที่จะไม่เกิดเป็นภาระต่อภาษีของประชาชน เพราะแต่ละปี รัฐบาลต้องมีการจัดสรรงบประมาณ ปีละ 3.1-3.2 ล้านล้านบาท ขณะที่จัดหารายได้ของภาครัฐมีเพียง 2.3-2.5 ล้านล้านบาท ซึ่งมีส่วนต่างที่จะต้องจัดหาจากการกู้ให้เพียงพอในการพัฒนาประเทศ และมุ่งเน้นให้ประชาชนกินดีอยู่ดีอย่างยั่งยืนมากขึ้น โดยเฉพาะการแก้ไขปัญหาความยากจน ซึ่งเป็นปัญหาสำคัญของเศรษฐกิจฐานราก เราต้องหาแหล่งเงินเพื่อพัฒนาประเทศ

“เราจึงได้ข้อสรุปว่าจะใช้ศักยภาพของตลาดทุนทั้งในและต่างประเทศด้วยการส่งเสริมให้มีการจัดตั้งกองทุนที่จะมาพัฒนาธุรกิจเพื่อสังคม หรือ Social Enterprise (SE) ที่มีพระราชบัญญัติรองรับอยู่แล้ว นำมาพัฒนาเศรษฐกิจฐานราก โดยกลไกของตลาดทุนจะเปิดให้ทุกฝ่ายเข้ามามีส่วนร่วมในการพัฒนามากขึ้น แทนที่เราจะเก็บภาษีคนรวยมาช่วยคนจน เราก็ให้คนที่มีเงินเหลือใส่เงินผ่านกองทุนแล้วใช้กลไกกำกับดูแลให้ SE ลงไปทำงานในพื้นที่ก็จะพัฒนาอย่างต่อเนื่อง”

ทั้งนี้การดำเนินงานดังกล่าวเป็นแนวทางที่หลายประเทศได้นำไปใช้แล้วเปิดให้ทุกฝ่ายเข้ามามีส่วนร่วมการแก้ไขปัญหาก็จะยั่งยืน ดังนั้นกองทุนดังกล่าวก็จะทำให้เกิดการจ้างงานเพิ่มในท้องถิ่น มเกิดขึ้นโดยเฉพาะเด็กจบใหม่ก็จะเป็นผู้ประกอบการรายใหม่ หรือ ธุรกิจสตาร์ทอัพ โดยใช้แหล่งเงินจากส่วนนี้ทำให้เกิดการพัฒนาในท้องถิ่น กระจายความเจริญสู่ต่างจังหวัด ไม่ใช่เฉพาะพื้นที่ กทม.แต่พรรคพลังประชารัฐ จะใช่กลไกนี้ทั่วประเทศ

ด้านนางนฤมล รัตนาภิบาล ว่าที่ผู้สมัคร กทม.พรรค พปชร. กล่าวว่า เราจะขับเคลื่อนธุรกิจเพื่อสังคมโดยการลดการพึ่งพางบประมาณประเทศ ซึ่งจะเน้นของการแสวงหารายได้ ด้วยการระดมทุน ผ่านกองทุนSE ด้วย การร่วมมือกับเอกชน และตลาดทุน ในการจัดตั้งกองทุนส่งเสริมธุรกิจเพื่อสังคมตาม พ.ร.บ. ส่งเสริมวิสาหกิจเพื่อสังคม การพัฒนาและส่งเสริมอาชีพประชาชน เพื่อนำไปสู่การแก้ไขปัญหาความยากจน ซึ่งกองทุนสนับสนุนเงินเพื่อการประกอบอาชีพ สร้างรายได้ที่มั่นคง เพื่อเพิ่มจำนวนนักธุรกิจในชนที่มีคุณภาพ โดยกองทุนจะเป็นกลไกในการขับเคลื่อนให้เกิดประสิทธิผลมากกว่าการใช้กองทุนรูปแบบที่ไม่ตอบโจทย์การช่วยเหลืออย่างแท้จริง

นายศันสนะ สุริยะโยธิน ว่าที่ผู้สมัคร กทม.พรรค พปชร. กล่าวถึงข้อ “การเพิ่มพลังสร้าง” ชูจุดเด่นสร้างจุดขายให้กับนวัตกรรม ในการสร้างโอกาสใหม่ สร้างอาชีพชุมชน ด้วยสินค้า “Made in Bangkok” สู่สากล การมีส่วนร่วมของสมาชิกในชุมชนช่วยกันพัฒนาชุมชนของตัวเอง นี่คือสำคัญในการพัฒนาฐานรากในพื้นที่ชุมชนโดยไม่ได้พึ่งพากองทุนของประเทศ พรรคพลังประชารัฐ ตั้งเป้าหมายว่าจะต้องเพิ่มรายได้ และลดรายจ่ายให้กับประชาชน ซึ่งกองทุน SE ทุกคนจะสามารถเข้าถึงได้ง่าย เพื่อให้ทุกคนเติบโตและลดความเหลื่อมล้ำให้เกิดความเท่าเทียม

ด้านนายภูวกร ปรางภรพิทักษ์ ว่าที่ผู้สมัครพปชร. กล่าวถึงหัวข้อ “เพิ่มพลังเสริม” เพื่อเพิ่มทักษะและความรู้ในการสร้างอาชีพและฝึกทักษะวิชาชีพ รวมถึงเรื่องเทคโนโลยี การทำตลาดออนไลน์ และการบริการผ่านเทคโนโลยี ซึ่งพรรคพลังประชารัฐจะมีศูนย์การเรียน การสอน ทุกเขต ทุกพื้นที่ โดยเราจะสอนตั้งแต่ขั้นต้น ทำอย่างไร โดยนักวิชาการ และผู้เชี่ยวชาญ ไม่ว่าจะเป็นการทำสินค้า การรีแบรนด์ ให้เป็นผลิตภัณฑ์ใหม่ที่จากการพัฒนาผลิตภัณฑ์เดิมที่มีอยู่แล้วให้ดีขึ้น รวมไปถึงการค้าขายในโลกโซเชียล ไม่ว่าจะเป็นการโพสต์ การถ่ายรูป ครอบคลุมทุกรูปแบบ

ด้านนายกิติภูมิ นีละไพจิตร์ กล่าวถึงแนวทางการบริหารจัดการพื้นที่ค้าขายจากบริบทจริง การเสนอแนวทางพัฒนาตลาดใหม่ จัดการพื้นที่ ส่งเสริมอัตลักษณ์แต่ละท้องถิ่น การขยายแนวทางการขาย และส่งเสริมผู้ประกอบการ

ทั้งนี้ การจัดสัมมนาดังกล่าวเป็นการระดมความเห็นและข้อเสนอแนะต่างๆ จากตัวแทนชุมชน นักวิชาการสายเศรษฐศาสตร์ และผู้ประกอบการ เพื่อนำไปสู่การขับเคลื่อนและจัดทำเป็นนโยบายด้านกองทุนเพื่อการพัฒนาสังคมอย่างยั่งยืนของพรรค ให้สอดคล้องกับบริบทและสังคมในพื้นที่ต่างๆ ของกรุงเทพฯ เช่น การพัฒนาเศรษฐกิจฐานราก ลดการพึ่งพางบประมาณของประเทศ โดยเปิดโอกาสให้ทุกภาคส่วนมีส่วนร่วมในการพัฒนาประเทศ เพื่อนำไปสู่การสร้างเศรษฐกิจที่ดี สังคมสงบสุข และมีสุขอย่างยั่งยืนควบคู่กับการยกระดับคุณภาพชีวิตของคนกรุงเทพฯ ให้ดียิ่งขึ้น

ที่มา: ทีมประชาสัมพันธ์ พรรคพลังประชารัฐ
วันที่: 23 มีนาคม 2566

“ศ.ดร.นฤมล”นำทัพว่าที่ผู้สมัคร ส.ส.กทม.เปิดศูนย์ประสานงาน เขตบางซื่อ ดุสิต หวังเป็นศุนย์กลางเชื่อมโยง ปชช.ยัน”พล.อ.ประวิตร”สุขภาพสมบูรณ์เต็มร้อย เผย 30 มี.ค.นี้เตรียมเปิดตัว ส.ส.ครบ 400 เขต

,

“ศ.ดร.นฤมล”นำทัพว่าที่ผู้สมัคร ส.ส.กทม.เปิดศูนย์ประสานงาน เขตบางซื่อ ดุสิต หวังเป็นศุนย์กลางเชื่อมโยง ปชช.ยัน”พล.อ.ประวิตร”สุขภาพสมบูรณ์เต็มร้อย เผย 30 มี.ค.นี้เตรียมเปิดตัว ส.ส.ครบ 400 เขต

เมื่อเวลา 10.30 น.ที่ศูนย์ประสานงานพรรคประชารัฐ เขตบางซื่อ ดุสิต นำโดย ศ.ดร.นฤมล ภิญโญสินวัฒน์ เหรัญญิกพรรคพลังประชารัฐ ในฐานะผู้ดูแลกำกับการเลือกตั้งพื้นที่ กทม.พรรคพลังประชารัฐ พร้อมด้วย ร.ต.อ.วัฒนรักษ์ อำนรรฆสรเดช ว่าที่ผู้สมัครสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร (ส.ส.) กทม. เขตบางซื่อ – ดุสิต และว่าที่ผู้สมัคร ส.ส. กทม.อีกหลายเขต อาทิ เขต 2 สาทร ราชเทวี ปทุมวัน นายพณิชย์ วิทยาภัทร์ ,เขต 5 ห้วยขวาง วังทองหลาง นายกานต์ กิตติอำพน,เขต 15 คันนายาว บึงกุ่ม น.ส.ณิรินทร์ เงินยวง,เขต 31 ทวีวัฒนา ตลิ่งชัน น.ต.นิธิ บุญยรัตกลิน,เขต 32 บางกอกน้อย บางกอกใหญ่ ภาษีเจริญ ตลิ่งชัน ธนบุรี น.ส.บุณณดา สุปิยพันธุ์

ศ.ดร.นฤมลฯ กล่าวว่า วันนี้เรามาพร้อมกับว่าที่ผู้สมัคร กทม.หลายท่าน เพื่อมาร่วมเปิดศูนย์ประสานงานพรรคพลังประชารัฐ เขตบางซื่อ ดุสิต รวมถึงตรวจสอบค่าฝุ่น PM 2.5 บริเวณถนนวงศ์สว่าง เขตบางซื่อ และจัดตั้ง War room ตรวจสอบสถานการณ์คุณภาพอากาศ โดยใช้ดัชนีคุณภาพอากาศ (AQI) เป็นตัวชี้วัดบริเวณพื้นที่กรุงเทพฯและปริมณฑลตรวจสอบค่าฝุ่น PM 2.5 ผ่านเว็บไซต์ www.air4thai.pad.go.th ของกองจัดการคุณภาพอากาศและเสียง กรมควบคุมมลพิษ เพื่อดูปัญหาความเดือดร้อนของประชาชนในเรื่องของปัญหาฝุ่นพิษ PM 2.5 ซึ่งประชาชนในหลายพื้นที่ได้รับผลกระทบเป็นระยะยาว

“พรรคพลังประชารัฐไม่ได้นิ่งนอนใจ ได้บรรจุยุทธวิธีแก้ไขปัญหานี้ในนโยบายของพรรคแล้ว โดยเราพร้อมทำทันที เพื่อนำอากาศบริสุทธิ์กลับคืนมาให้กับประชาชน ในส่วนศูนย์ประสานงานแห่งนี้เราต้องการให้เป็นที่พึ่งของประชาชน และประชาชนสามารถมีส่วนร่วมกับเรา ซึ่งจะทำให้เราสามารถรับรู้ปัญหาต่างๆ ของประชาชนได้เช่นปัญหาปากท้อง ปัญหาสังคมสิ่งแวดล้อม สิ่งเหล่านี้จะนำไปแก้ไขให้เร่งด่วนและทันต่อเหตุการณ์”

ด้าน ร.ต.อ.วัฒนรักษ์ กล่าวว่า วันนี้ถือว่าโชคดีที่สภาพอากาศที่เขตบางซื่ออยู่ในเกณฑ์ที่ดี โดยค่าฝุ่นพิษ pm 2.5 เท่าที่วัดในตอนนี้ไม่เกินมาตรฐาน แต่ในอีกหลายเขตก็ยังเป็นปัญหาด้านสุขภาพต่อเด็กและผู้สูงอายุ ทั้งนี้ ตนมองว่า ถ้าในพื้นที่ กทม.การเพิ่มต้นไม้เพื่อสร้างอากาศที่ดี และเป็นเครื่องกรองอีกชั้นหนึ่ง และอาจจะต้องพิจารณาไปยังปักกิ่งโมเดล ที่มีการติดเครื่องฟอกอากาศยักษ์ในพื้นที่ เพราะกรุงปักกิ่งเผชิญกับปัญหาหมอกควันอย่างรุนแรง ประชาชนได้รับผลกระทบเป็นวงกว้าง กรุงปักกิ่งจึงได้ตั้งเครื่องฟอกอากาศขนาดยักษ์ภายในพื้นที่ เพื่อขจัดมลพิษทางอากาศ เนื่องด้วยตนเป็นนักสิ่งแวดล้อม จึงต้องการให้ศูนย์ประสานงานแห่งนี้ทำหน้าที่เฝ้าระวังปัญหาฝุ่นพิษ pm 2.5 ด้วย เพราะปัจจุบันถือว่าเป็นปัญหาอย่างหนัก

“เราให้ความสำคัญกับประชาชนในพื้นที่ ถึงความต้องการของพวกเขาจริง ๆ เสียงสะท้อนจากชาวบ้านในเขตชุมชนต่าง ๆ ถึงปัญหา และต้องแก้ไขในจุดใดบ้างโดยเราจะนำข้อมูลเหล่านี้มาเสริมเป็นนโยบายของพรรคพลังประชารัฐเพิ่มเติม เพราะภาพใหญ่เสร็จไปหมดแล้ว แต่ในส่วนของภาพเล็กและรายละเอียดปลีกย่อย เราก็จะนำข้อมูลตรงนี้ไปพัฒนาและต่อยอด”

แนวทางการหาเสียงใน กทม.ต่อจากนี้ ศ.ดร.นฤมลฯ กล่าวว่า เราจะมีเวทีปราศรัยย่อยในวันศุกร์นี้ โซนกรุงเทพตอนเหนือ โดยสถานที่และเวลาจะแจ้งอีกครั้งหนึ่ง โดยจากนี้ไปทั้งตนและนายสกลธี ภัททิยกุล หัวหน้าทีม กทม.พรรคพลังประชารัฐ ก็จะช่วยลงพื้นที่หาเสียงร่วมกับผู้สมัครของเรา ทั้งนี้ ในส่วนของพรรคพลังประชารัฐก็จะมีการเปิดตัวร่วมกันของผู้สมัคร ส.ส.เขต ทั้ง 400 เขต โดยสถานที่น่าจะเป็นสนามกีฬาบางกอกอารีนา เขตหนองจอก กรุงเทพฯ วันที่ 30 มี.ค.นี้ ซึ่งจะมีการกำหนดรายละเอียด และแจ้งให้สื่อมวลชนทราบอีกครั้งหนึ่ง

เมื่อถามถึงหลายคนกังวลถึงสุขภาพร่างกายของ พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรี และหัวหน้าพรรคพลังประชารัฐ ศ.ดร.นฤมลฯ กล่าวว่า ท่านยังสุขภาพสมบูรณ์เต็มร้อย ช่วง 5 วันที่ผ่านมา ท่านไม่ได้หยุดลงพื้นที่เลย วันนี้ก็ลงตรวจราชการอยู่ที่ จ.กระบี่ ไม่ต้องห่วงค่ะ ท่านยังใจพร้อม กายพร้อม เต็มร้อย

ที่มา: ทีมประชาสัมพันธ์ พรรคพลังประชารัฐ
วันที่: 20 มีนาคม 2566

ศ.ดร.นฤมลรวมคนพปชร. ”พลังประชารัฐ เพิ่มพลังสตรีไทย” วันสตรีสากล

,

ศ.ดร.นฤมลรวมคนพปชร. ”พลังประชารัฐ เพิ่มพลังสตรีไทย” วันสตรีสากล

ศ.ดร.นฤมล ภิญโญสินวัฒน์ เหรัญญิกพรรคพลังประชารัฐ (พปชร.) เปิดเผยว่า เนื่องในวันสตรีสากล 8 มีนาคม พรรคพลังประชารัฐ ได้ให้ความสำคัญการลดช่องว่างและความเหลื่อมล้ำ ทางสังคมให้กับกลุ่มสตรี และเยาวชน ได้รับสิทธิเท่าเทียมในทุกมิติ เท่ากับเพศชาย ที่นำมาสู่การระดมความคิดเห็นของกลุ่มสตรีพรรคพลังประชารัฐ ในกลุ่ม “พลังประชารัฐ เพิ่มพลังสตรีไทย” โดยมีนางฮูวัยดีย๊ะ พิศสุวรรณ ที่ปรึกษาด้านสิทธิสตรี และว่าที่ผู้สมัครพปชร. ประกอบด้วย น.ส.ชญาภา ปรีภาพาก นางนฤมล รัตนาภิบาล นายกานต์ กิตติอำพน น.ส.ณิรินทร์ เงินยวง นายศันสนะ สุริยะโยธิน นายสุวัฒน์ ม่วงศิริ นายระพีพัฒน์ สุเมธโชติเมธา ดร.บุณณดา สุปิยพันธุ์ และ ดร.ภญ. สุชาดา เวสารัชตระกูล มาร่วมระดมความคิดเห็นครั้งนี้ เพื่อรวบรวมข้อมูลพิจารณาข้อเสนอของเครือข่ายองค์กรสตรี

“ การเพิ่มพื้นที่และโอกาสการทำงานของผู้หญิง ความเท่าเทียมทางเพศทุกช่วงวัย ทุกสาขาอาชีพ และทุกศาสนา รวมถึงสิทธิและสวัสดิการที่ผู้หญิงควรจะได้รับ มีความสำคัญต่อเป้าหมายการลดความเหลื่อมล้ำทางสังคม ซึ่งพปชร.เรามีคนรุ่นใหม่ และผู้มีประสบการณ์ที่หลอมรวมเป็นหนึ่งเดียว แสวงหาแนวทางในการดูแลคนทุกกลุ่ม ทุกเพศ ทุกวัย พปชร.เปิดกว้างรับความคิดเห็นจากทุกฝ่ายสู่การผลักดันโยบายด้านสตรีให้มีคุณภาพชีวิตที่ดีขึ้น และเท่าเทียม ” ศ.ดร.นฤมล กล่าว

ทั้งนี้ นอกเหนือจากข้อเสนอของเครือข่ายองค์กรสตรี กลุ่ม “พลังประชารัฐ เพิ่มพลังหญิงไทย” ได้มีการนำเสนอแนวทางเพิ่มเติมให้ครอบคลุมการดูแลสตรี และเยาวชนให้มากยิ่งขึ้น อาทิเช่น การจัดสวัสดิการเพื่อการดูแลคุณภาพชีวิตแม่เลี้ยงเดี่ยว และยกระดับศูนย์รับเลี้ยงเด็กเล็กก่อนวัยเรียนในชุมชน เป็นต้น

นอกจากนี้ น.ส. ชญาภา เสนอให้มีมาตรการแก้ไขปัญหาความรุนแรงทุกรูปแบบทุกพื้นที่ น.ส.ณิรินทร์ เสนอให้มีการจัดตั้งศูนย์สุขภาพจิตในชุมชนเพื่อคนทุกช่วงวัย ดร.ภญ.สุชาดา เสนอให้มีแนวทางเพิ่มโอกาสการเข้าถึงสิทธิการรักษาและป้องกันโรคมะเร็งปากมดลูกและมะเร็งเต้านม

ซึ่งข้อเสนอดังกล่าวเกิดขึ้นจากการเก็บข้อมูลของว่าที่ผู้สมัคร พปชร. ที่ได้ลงพื้นที่จริง และพบปัญหาที่เกิดขึ้นในสังคมปัจจุบัน ดังนั้นจำเป็นต้องเร่งการแก้ไขปัญหาในระยะเร่งด่วน เพื่อให้สอดรับกับบริบทการพัฒนาทางด้านเศรษฐกิจและสังคม ที่เปลี่ยนแปลงอย่างรวดเร็ว

ที่มา: ทีมประชาสัมพันธ์ พรรคพลังประชารัฐ
วันที่: 8 มีนาคม 2566

ได้ใจชาวนครฯ !!! “ศ.ดร.นฤมล”พาผู้สมัคร ส.ส.ลุยรับฟังปัญหา”ขยะ-ประมง” รับปากพปชร.ไม่ทิ้งชาวประมง “เร่งแก้น้ำเน่าจากขยะล้นเมืองทันที ไม่ต้องรอหลังเลือกตั้ง

,

ได้ใจชาวนครฯ !!! “ศ.ดร.นฤมล”พาผู้สมัคร ส.ส.ลุยรับฟังปัญหา”ขยะ-ประมง”
รับปากพปชร.ไม่ทิ้งชาวประมง “เร่งแก้น้ำเน่าจากขยะล้นเมืองทันที ไม่ต้องรอหลังเลือกตั้ง

วันที่ 6 กุมภาพันธ์ 2566 ศ.ดร.นฤมล ภิญโญสินวัฒน์ เหรัญญิกพรรคพลังประชารัฐ (พปชร.) และอดีตรัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงแรงงาน ได้เดินทางลงพื้นที่ อำเภอเมือง จังหวัด นครศรีธรรมราช เพื่อพบปะประชาชน และผู้นำชุมชน โดยมีว่าที่ผู้สมัครสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร จังหวัดนครศรีธรรมราช ของพรรคพลังประชารัฐ เช่น นางสุภาพ ขุนศรี ,นายสุธรรม จริตงาม ,นายคมเดช มัชฌิมวงศ์ ,นายสุนทร รักษ์รงค์ เรือเอก ดร.นพ.พิชาญศักดิ์ บุญมาศ และนางฮูวัยดีย๊ะ พิศสุวรรณ อุเซ็ง สมาชิกพรรคพลังประชารัฐ ให้การต้อนรับ โดย ศ.ดร.นฤมล ได้ร่วมประชุมว่าที่ผู้สมัครของพรรคเพื่อรับฟังปัญหา และข้อเสนอแนะ ในด้านต่างๆ ที่เป็นความเดือดร้อนของประชาชนในพื้นที่ นำมาสู่การวางแผน และกำหนดนโยบายให้กับประชาชนในพื้นที่ต่อไป

ศ.ดร.นฤมล ยังได้พบปะประชาชนที่มารอต้อนรับจำนวนมาก และได้กล่าวว่า วันนี้ได้มีการหารือกับว่าที่ผู้สมัครทุกเขตของจังหวัดนครศรีธรรมราช และได้ข้อสรุปว่า เราจะทำงานกันเป็นทีม แม้จะอยู่กันคนละเขตแต่เรามีเป้าหมายเพื่อประโยชน์ของประชาชนเหมือนกัน ในการขับเคลื่อนครั้งนี้ พรรคพลังประชารัฐก็ได้กำลังสำคัญอย่าง นางฮูวัยดีย๊ะที่จะเข้ามาผลักดันในเรื่องของสิทธิสตรีชาวมุสลิมที่หลายพรรคยังไม่มีนโยบายที่เกี่ยวกับเรื่องนี้

ศ.ดร.นฤมล กล่าวต่อว่า ถ้าตัวแทนของพรรคพลังประชารัฐทั้งหมดที่นั่งอยู่ที่นี่ ได้รับโอกาสจากพี่น้องให้เข้าไปทำหน้าที่แทน พรรคพลังประชารัฐจะดำเนินการเพิ่มเงินในบัตรประชารัฐเป็นจำนวนเงิน 700 บาทต่อเดือนทันที ตามนโยบายแรกที่เราได้ประกาศเอาไว้ ซึ่งนโยบายดังกล่าว เราได้รับเสียงสะท้อนจากประชาชนว่า ในสถานการณ์ภาวะเงินเฟ้อ จำนวนเงิน 200 – 300 บาทนั้น ไม่เพียงพอต่อการจะดำรงชีพเบื้องต้นแล้ว ทางพรรคจึงออกมาเป็นสวัสดิการดังกล่าว เพื่อช่วยเหลือประชาชน

นอกจากนี้ พรรคพลังประชารัฐยังมีนโยบายอีกหลายอย่างที่จะเข้ามาช่วยเหลือประชาชน การลงพื้นที่ในครั้งนี้ก็ได้ทราบปัญหาของชาวใต้ที่สำคัญ ก็คือ เรื่องการบริหารจัดการน้ำ เนื่องจากประสบปัญหาน้ำท่วมในทุกๆปี ทางพรรค จะนำเรื่องนี้บรรจุเข้าไปเป็นนโยบาย รวมไปถึงปัญหาเรื่องการประมง ที่ในขณะนี้ผู้บริหารของพรรคพลังประชารัฐได้รับทราบแล้ว และกำลังนำเข้าบรรจุในนโยบายที่จะแก้ไขกฎหมาย และเร่งเยียวยาผู้ที่ได้รับผลกระทบอย่างเป็นรูปธรรมต่อไป

ด้านนางฮูวัยดีย๊ะ กล่าวว่า จากอดีตตนเคยเป็น ส.ส.เขต 1 ที่จังหวัดนี้ กลับมาครั้งนี้เราก็จะมาร่วมจับมือกัน เพื่อสร้างอนาคตให้กับลูกหลานของคนใต้ให้มีคุณภาพชีวิตที่ดี รวมไปถึงสิทธิและสวัสดิการต่าง ๆ ของสตรี นครศรีธรรมราชของเรา มีผู้หญิงเข้าไปทำงานในทุกระดับ ไม่ว่าจะเป็น นายก อบต.,อบจ.ส.ส.หรือ รัฐมนตรี เรามีมาหมดแล้วอนี่คือมรดกของจังหวัดนครศรีธรรมราชที่ส่งต่อกันมา

“พรรคพลังประชารัฐ ได้ให้โอกาสตนเข้าไปผลักดันนโยบายเรื่องสิทธิสตรี เพราะปัจจุบันจำนวนเพศหญิงมีมาก และก็มีปัญหาตามมาอีกมากมาย ไม่ว่าจะเป็นเรื่องการภาระดูแลครอบครัว หรือการเป็นแม่เลี้ยงเดี่ยว เช่นกรณีที่ผู้หญิงพี่ต้องดูแลลูกอยู่เพียงคนเดียว รัฐจะเข้าไปดูแลท่านทันที หรือผู้หญิงที่มีภาระในครอบครัวไม่สามารถออกไปทำมาหากินหาเงินเข้าบ้านได้พรรคการเมืองในอนาคตก็จะต้องเข้ามาดูแล รวมไปถึงปัญหายาเสพติดในสังคม รัฐก็จะต้องเข้าไปดูแลในรูปแบบของการอำนวยความสะดวก และการแก้ไขปัญหาของสังคม สิ่งเหล่านี้คือ ภาพตัวอย่างที่ตนจะเข้าไปผลักดันให้เป็นโครงการต่างๆ ที่จะมาแก้ปัญหาในชุมชน ผ่านทางแม่บ้าน ผ่านทางกลุ่มผู้หญิง นี่คือสิ่งที่เหตุผลที่ตนได้มาร่วมงานกับพรรคพลังประชารัฐ”

ด้านนางสุภาพ กล่าวว่า ตนได้มีโอกาสเสนอเรื่องนโยบายกับทางพรรคแทนชาว
นครฯทุกคน และมั่นใจว่า นโยบายทุกข้อที่พรรคพลังประชารัฐได้หาเสียงไว้กับประชาชน จะทำทันทีที่พรรคได้เข้าไปเป็นรัฐบาล ทำหน้าที่บริหารประเทศ อย่างเช่นปัญหาของอาชีพประมงพื้นบ้าน วันนี้ตนก็ได้ปรึกษากับ ศ.ดร.นฤมล ถึงปัญหานี้ร่วมกัน และเราจะหาทางออกในเรื่องนี้กันอย่างไร ซึ่งถือเป็นอีกหนึ่งข่าวดี เพราะพรรคพลังประชารัฐให้ความสำคัญกับชาวประมงทุกคนในประเทศไทย และจะนำปัญหานี้เข้าบรรจุเป็นนโยบายหลักของพรรคด้วย

ทั้งนี้ช่วงหนึ่งทางพรรคพลังประชารัฐได้เปิดรับฟังความคิดเห็นจากประชาชน โดยส่วนใหญ่ขอให้แก้ปัญหาการนำขยะจากพื้นที่ใกล้เคียงมาทิ้งไว้ ส่งผลให้เกิดภาวะน้ำในแม่น้ำ ลำคลอง เน่าเสีย ปลาตาย ไม่สามารถจับปลาขายได้ รวมถึง ปัญหาชาวประมงที่ถูกบังคับด้วยกรอบกฎหมายเข้มงวด ไม่สอดคล้องกับบริบทความเป็นจริง และวิถีชีวิตของพี่น้องชาวประมง

ศ.ดร.นฤมล กล่าวกับพี่น้องประชาชนว่า ในเรื่องขยะที่ทำให้น้ำเน่าเสีย สามารถดำเนินการได้เลย โดยที่ไม่จำเป็นต้องรอถึงการเลือกตั้ง โดยจะผลักดันปัญหานี้ผ่านไปยังหน่วยงานที่รับผิดชอบให้ดำเนินการแก้ไขโดยด่วน แต่ในส่วนของปัญหาชาวประมง ทางพรรคพลังประชารัฐได้ติดตามมาโดยตลอด ปัญหาที่เกิดขึ้นในตอนนี้ เรื่องหลักคือปัญหาด้านกฎหมาย สิ่งที่จะทำได้ก็ต้องแก้ไขกฎหมาย แต่ในปัจจุบันมีผลกระทบที่เกิดขึ้นแล้วก็จำเป็นต้องมีการเยียวยาตามมา

“การแก้ไขกฎหมายเป็นเรื่องที่ต้องใช้เวลาพอสมควร ขอให้ทุกคนได้อดทนเอาไว้ก่อน วันนี้ไม่ว่าเราจะได้เข้าไปในสภา หรือไม่ได้เข้าไปเป็นรัฐบาล พรรคพลังประชารัฐจะผลักดันให้เกิดการแก้ไขปัญหานี้ให้กับชาวประมงให้ได้ ขอให้สัญญา ไม่จำเป็นว่าต้องเลือกเรา แล้วเราจะแก้ปัญหาให้ท่านเท่านั้น

ที่มา: ทีมประชาสัมพันธ์ พรรคพลังประชารัฐ
วันที่: 6 กุมภาพันธ์ 2566

“ดร.นฤมล” ลุยพื้นที่ทุ่งสงประมวลปัญหาประชาชน พปชร.ลั่นจ่อเปิดนโยบายแก้ปัญหาแบบยั่งยืน

,

“ดร.นฤมล” ลุยพื้นที่ทุ่งสงประมวลปัญหาประชาชน พปชร.ลั่นจ่อเปิดนโยบายแก้ปัญหาแบบยั่งยืน

วันที่ 5 กพ. 2566 น.ศ.ดร.นฤมล ภิญโญสินวัฒน์ เหรัญญิกพรรคพลังประชารัฐ (พปชร.) และอดีตรัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงแรงงาน ได้เดินทางลงพื้นที่ศาลาประชาคม ที่เทศบาลเมืองทุ่งสง จ.นครศรีธรรมราช เพื่อพบปะประชาชน และผู้นำชุมชน โดยมีนายสุธรรม จริตงาม ว่าที่ผู้สมัครสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร จังหวัดนครศรีธรรมราช เขต 4 พรรคพลังประชารัฐ และนางฮูวัยดีย๊ะ พิศสุวรรณ อุเซ็ง สมาชิกพรรคพลังประชารัฐ ให้การต้อนรับ เพื่อรับฟังปัญหา และข้อเสนอแนะ ในด้านต่างๆ ที่เป็นความเดือดร้อนของประชาชนในพื้นที่ นำมาสู่การวางแผน และกำหนดนโยบายให้กับประชาชนในพื้นที่ต่อไป

ศ.ดร.นฤมล ได้ร่วมประชุมแกนนำของพรรคพลังประชารัฐ เขต4 จังหวัดนครศรีธรรมราช และได้กล่าวว่า ขอให้ทั้ง 800 คนที่อยู่ที่นี้ ช่วยกันเลือกพี่สุธรรม พร้อมทั้งขอให้ชวนเชิญญาติ พี่น้อง มาช่วยกันเลือก นายสุธรรมด้วย วันนี้พรรคพลังประชารัฐได้เปิดนโยบายแรกที่จะทำให้ประชาชน การเพิ่มเงินในบัตรประชารัฐเป็นจำนวน 700 บาทต่อเดือน พี่น้องประชาชนจะได้สวัสดิการจากภาครัฐต้องนี้ ไปซื้อเครื่องอุปโภคและบริโภคต่าง ๆ ได้

ศ.ดร.นฤมล ยังเปิดเผยต่อว่า ภายในเดือนนี้ พรรคพลังประชารัฐก็จะมีนโยบายอื่นของพรรคแถลงตามมาอีก เช่น นโยบายในเรื่องของน้ำ พรรคได้รับเอาข้อเสนอจากว่าที่ผู้สมัคร ส.ส.ทุกเขต ทั่วประเทศ เข้าไปบรรจุในแผนจัดทำนโยบาย เพื่อที่จะสามารถแก้ไขปัญหาให้ตรงกับความต้องการของประชาชน

“นโยบายพรรคพลังประชารัฐ ยังมีอีกหลายเรื่อง เช่น เรื่องของที่ดิน ที่พรรคจะเข้ามาแก้ปัญหาในที่ดินทำกินในพื้นที่ทั่วประเทศ ไม่ว่าจะเป็นที่ สปก.ที่ทับซ้อน หรือที่ ๆ ครอบครองอย่างไม่ถูกต้อง ที่ควรจะได้รับการจัดการ และแก้กฎหมายให้ได้รับเอกสารสิทธิได้ถูกต้อง เรื่องนี้พรรคพลังประชารัฐจะแก้ไขให้พี่น้อง ในส่วนของผู้สูงอายุ ไม่ว่าจะเป็นสวัสดิการต่าง ๆ หรือ เบี้ยผู้สูงอายุ พรรคก็จะมีนโยบายออกมาเพื่อดูแล รวมถึงพี่น้องเกษตรกร เราก็ไม่ทอดทิ้งในเรื่องราคาพืชผลทางการเกษตร ขอให้ติดตามนโยบายของพรรคพลังประชารัฐต่อไป”ศ.ดร.นฤมล กล่าว

ด้านนางฮูวัยดีย๊ะ กล่าวว่า ขอขอบคุณพี่น้องชาวทุ่งสงที่ให้การต้อนรับพรรคพลังประชารัฐอย่างล้นหลาม ถือว่าเป็นโอกาสที่ดีที่ตนได้เข้ามาร่วมงานกับพรรคพลังประชารัฐ โดย ศ.ดร.นฤมล ถือว่าเป็นคนหนึ่งที่ทำให้ตัดสินใจเข้ามาร่วมงานกับพรรค เพราะตนเห็นถึง ความสู้ของผู้หญิงตัวเล็กคนนี้ ที่สามารถสู้กับผู้ชายได้อย่างเท่าเทียม และการทำงานของ ศ.ดร.นฤมล ในทุกขั้นตอนก็รับฟังทุกข้อเสนอของพวกเรา

“การเลือกตั้งที่กำลังจะเกิดขึ้น จะมีการแข่งขันกันอย่างเข้มข้น วันนี้ถือเป็นโอกาสที่ชาวทุ่งสงจะได้ตัดสินใจเลือกการเปลี่ยนแปลงด้วยตัวท่านเอง พื้นที่ อ.ทุ่งสง จะพัฒนาได้หรือไม่ ก็ขึ้นอยู่กับ มือของชาวทุ่งสงเอง ว่าจะเลือกผู้แทนที่เราสามารถพึ่งพาได้ เข้าไปช่วยแก้ปัญหาเข้าไปเป็นปากเป็นเสียง เข้าไปผลักดันและสนับสนุนให้รัฐบาลมาดูแลชาวทุ่งสงหรือไม่ นายสุธรรม ผู้สมัครของพรรคพลังประชารัฐ เป็นคนรุ่นใหม่ที่มีพร้อมทั้งความรูั ความสามารถ รูปลักษณ์ที่ดี ได้เข้ามาเสนอตัวทำงานแทนพี่น้องแล้ว สุดท้ายก็ต้องขอโอกาสจากพี่น้องด้วย”นางฮูวัยดีย๊ะ กล่าว

ด้านนายสุธรรม กล่าวว่า ตนขอขอบคุณ ศ.ดร.นฤมล ที่มาเป็นตัวแทนผู้ใหญ่ของพรรคพลังประชารัฐ มาให้กำลังใจกับว่าที่ผู้สมัคร วันนี้ ตนขอรับใช้พี่น้องประชาชนชาวอำเภอทุ่งสง เพื่อทำประโยชน์สูงสุดต่อชาวทุ่งสงอย่างเต็มความสามารถ โดยตนทำงานให้กับพี่น้องชาวทุ่งสงมานาน รู้ถึงปัญหาความทุกข์ร้อนของคนในพื้นที่เป็นอย่างดี และตนก็ได้นำเสนอปัญหาเหล่านี้ให้กับทางพรรคพลังประชารัฐได้ทราบ เพื่อเป็นแนวทางประกอบการร่างนโยบายพรรคฯ ที่จะนำไปสู่การพัฒนาจังหวัดนครศรีธรรมราชบ้านเรา ถ้าตนได้รับโอกาสเข้าไปเป็นตัวแทนของทุกคน ตนจะนำปัญหาและความต้องการของชาวทุ่งสงเข้าไปเสนอและผลักดันให้เกิดการแก้ไขให้ได้ ตนไม่มีทางทอดทิ้งชาวทุ่งสงอย่างแน่นอน

ทั้งนี้ บรรยากาศในพื้นที่ มีประชาชนมารอต้อนรับ ศ.ดร.นฤมล พร้อมมอบดอกไม้ให้กำลังใจจำนวนมาก โดยส่วนใหญ่ได้ให้ความสนใจและสอบถามถึงนโยบายการเพิ่มเงินในบัตรประชารัฐ เนื่องจากเห็นว่า จะสามารถช่วยแก้ปัญหาในสภาวะที่สินค้ามีราคาสูงขึ้นได้

ที่มา: ทีมประชาสัมพันธ์ พรรคพลังประชารัฐ
วันที่: 5 กุมภาพันธ์ 2566

“ดร.นฤมล”มองศก.ไทยไม่เสี่ยงเกิดต้มยำกุ้ง หนุนมาตการพลิกฟื้นเศรษฐกิจรับวิกฤติโลก

“ดร.นฤมล”มองศก.ไทยไม่เสี่ยงเกิดต้มยำกุ้ง หนุนมาตการพลิกฟื้นเศรษฐกิจรับวิกฤติโลก

ศ.ดร.นฤมล ภิญโญสินวัฒน์ เหรัญญิกพรรคพลังประชารัฐ(พปชร.) ได้โพสต์ Facebook ส่วนตัวแสดงความถึงกรณีเมื่อวาน(5ส.ค.) ธนาคารกลางอังกฤษ(BoE) ประกาศขึ้นดอกเบี้ย 0.5% ไปอยู่ที่ 1.75% เป็นการเพิ่มสูงสุดในรอบ 27 ปี เพื่อจัดการกับอัตราเงินเฟ้อที่สูงถึง 9.4% และคาดว่าเดือนตุลาคมนี้ อัตราเงินเฟ้อของอังกฤษจะไปแตะระดับสูงสุดที่ 13.3% แล้วจะค่อยๆลดลงสู่กรอบเงินเฟ้อ 2% ในเวลาอีก 3 ปีข้างหน้า

เมื่อหันกลับมาพิจารณาของไทยคงหนีไม่พ้นที่ต้องปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยแน่ แต่จะขึ้นเท่าไร คงต้องรอผลการประชุมคณะกรรมการนโยบายการผลิต( กนง.) ในสัปดาห์หน้า เพราะล่าสุดวันนี้(5ส.ค.) กระทรวงพาณิชย์ได้ประกาศอัตราเงินเฟ้อลดลงจากเดือนที่แล้วเล็กน้อยมาอยู่ที่ 7.61% ต่ำกว่าเดิมที่คาดการณ์ไว้ที่ 8.0%

เมื่อดูตัวเลขแล้ว หลายคนถามมาว่า เศรษฐกิจโลกถดถอย เงินเฟ้อสูง ดอกเบี้ยขาขึ้น หลายประเทศสถานะทางการคลังย่ำแย่ ของไทยเราจะเกิดวิกฤติเหมือนปี 2540 อีกหรือไม่ ซึ่งในการบริหารความเสี่ยง เราต้องมองทั้งด้านบวกและด้านลบ

ด้านลบที่เป็นจุดเปราะบาง คือ หนี้ครัวเรือน ดอกเบี้ยขาขึ้น นำไปสู่ภาระหนี้ที่เพิ่มขึ้นที่ฉุดรั้งกำลังซื้อในตลาด และเสี่ยงต่อการเกิดหนี้เสีย(NPL) ก็ได้เห็นความพยายามของหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเข้าไปช่วยเหลือให้ความรู้และแนะนำแนวทางป้องกันหนี้เสียให้ภาคครัวเรือนในระดับหนึ่งแล้ว
หันมาดูความแตกต่างที่เป็นด้านบวก ในสถานการณ์ปัจจุบันของไทยมีปัจจัยบวกสองจุดสำคัญ ที่จะไม่ทำให้ไทยเกิดวิกฤตแบบปี 2540 คือ

1. เงินบาทตอนช่วงวิกฤตต้มยำกุ้งยังใช้ระบบ peg คือ ผูกกับค่าเงินดอลลาร์สหรัฐแบบตายตัว แต่วันนี้ ค่าเงินบาทลอยตัวแบบมีการจัดการ (managed float) และค่าเงินดอลลาร์สหรัฐตอนนั้นอ่อนค่ามาก แต่ปัจจุบันเงินดอลลาร์กลับแข็งค่า

2. สถาบันการเงินของไทยยังมีผลการดำเนินงานและสถานะการเงินที่เข้มแข็ง อัตราส่วนที่วัดค่าความเสี่ยงด้านต่างๆของธนาคารยังอยู่ในระดับที่ดีมาก ไม่ได้มีอาการที่จะเสี่ยงล้มเหมือนเช่นในอดีต

แต่ในครั้งนี้ สองจุดต่างที่ว่า หากรัฐบาล และหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง เข้าใจ และพิจารณา นำมากำหนดนโยบายการเงินการคลังที่เหมาะสม พร้อมกับวางนโยบายเศรษฐกิจเพื่อการฟื้นตัวในระยะยาวมากกว่าการแก้ปัญหาเฉพาะหน้า เราจะผ่านสถานการณ์นี้ไปได้อย่างแน่นอน ดังนั้นจึงพอสรุปได้ว่า เศรษฐกิจไทยคงไม่มีต้มยำกุ้ง แต่อาจจะเป็นต้มข่าไก่ ที่เศษฐกิจไทยอาจได้รับผลกระทบ

“ดร.นฤมล”มองศก.ไทยไม่เสี่ยงเกิดต้มยำกุ้ง หนุนมาตการพลิกฟื้นเศรษฐกิจรับวิกฤติโลก

ที่มา: ทีมข่าว พรรคพลังประชารัฐ
วันที่: 5 สิงหาคม 2565

“ธรรมนัส” ผนึก “นฤมล” ชูนโยบายจัดที่ดินทำกินเพื่อคนสุราษฎร์

, ,

“ธรรมนัส” ผนึก “นฤมล” ชูนโยบายจัดที่ดินทำกินเพื่อคนสุราษฎร์ พร้อมส่งผู้สมัครลงครบทุกเขต กระจายทัพ พปชร. ช่วย ปชช.

ร.อ.ธรรมนัส พรหมเผ่า เลขาธิการพรรคพลังประชารัฐ (พปชร.) พร้อม ศ.ดร.นฤมล ภิญโญสินวัฒน์ เหรัญญิกพรรคฯ พบปะสมาชิกพรรค และว่าที่ผู้สมัคร ส.ส.สุราษฎร์ธานี เขต 1-6 เพื่อเป็นตัวแทนของพรรคพลังประชารัฐ ทำหน้าที่ในการขับเคลื่อนนโยบาย และนำความเดือดร้อนของประชาชนส่งต่อการแก้ปัญหาอย่างตรงจุด โดยเฉพาะการแก้ปัญหาที่ทำกิน และราคาพืชผลทางการเกษตร ซึ่งเป็นอาชีพที่สำคัญของคนสุราษฎร์

วันที่ 30 พ.ย. 64 เวลา 11.30 น. ที่โรงแรมแก้วสมุย จ.สุราษฎร์ธานี ร.อ.ธรรมนัส พรหมเผ่า เลขาธิการพรรคพลังประชารัฐ (พปชร.) พร้อมด้วย ศ.ดร.นฤมล ภิญโญสินวัฒน์ เหรัญญิกพรรค พร้อม ส.ส.ของพรรค ได้เดินทางมาให้กำลังใจในการประชุมการเลือกตัวแทนพรรคพลังประชารัฐ เขต 1-6 เพื่อเป็นตัวแทนในการทำงานของพรรคในฐานะปากเสียงของประชาชนชาวสุราษฎร์ เพื่อเสนอต่อกรรมการนโยบายพรรคในการแก้ปัญหาความเดือดร้อนได้อย่างรวดเร็ว และตรงเป้าหมาย โดยมีสมาชิกพรรคในภาคใต้ 14 จังหวัด ให้การร่วมต้อนรับอย่างพร้อมเพรียง ภายใต้มาตรการป้องกันโควิด-19 อย่างเคร่งครัด

ร.อ.ธรรมนัส ได้ขึ้นเวทีพร้อมกล่าวต้อนรับว่าที่ตัวแทนเขต 1-6 พร้อมขอบคุณทุกคน ทั้งชาวสุราษฎร์ธานี และตัวแทนสมาชิกพรรคทุกคน ที่ให้การต้อนรับเป็นอย่างดี ตั้งแต่ที่สนามบิน ซึ่งทำให้เห็นว่าการทำงานที่ผ่านมาของตนเองมีผลทำให้ทุกคนเกิดความเชื่อใจ ซึ่งถือเป็นสัญญาณที่ดีในการที่จะรวมพลังในการได้รับความไว้วางใจในการเป็นตัวแทนของประชาชนในฐานะฝ่ายรัฐบาลอีกครั้ง โดยเป้าหมายหนึ่งเดียวคือการแก้ปัญหาความเดือดร้อนของพี่น้องฐานราก ที่ถือเป็นพลังสำคัญในการขับเคลื่อนประเทศไทยมากที่สุด ที่ส่วนใหญ่ทำอาชีพเกษตรกรรมซึ่งเป็นรายได้ของประเทศ แต่กลับต้องเจอสภาวะผลผลิตตกต่ำไม่ได้ราคา โดยเฉพาะภาคใต้ที่ส่วนใหญ่มีอาชีพปลูกปาล์มและยางพารา ที่ยังต้องประสบปัญหาส่งผลต่ออาชีพรายได้ และปากท้อง

ร.อ.ธรรมนัส กล่าวว่า ก่อนหน้านี้ตนเองเคยได้รับการร้องเรียนจากพี่น้องประชาชนใน อ.ชัยบุรี จ.สุราษฎร์ธานี ที่อาศัยอยู่ในที่ดิน สปก. ไม่มีบ้านเลขที่ ทำให้น้ำ ไฟ เข้าไม่ถึง เมื่อทราบเรื่องและได้ลงพื้นที่จึงได้ดำเนินการให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องดำเนินการทันที ซึ่งปัจจุบันพื้นที่ตรงนี้หลายเป็นพื้นที่ของความเจริญ นั่นจึงทำให้เชื่อว่าการมีตัวแทน ส.ส.แต่ละเขตเป็นส่วนสำคัญที่จะทำให้พรรคพลังประชารัฐ สามารถเข้าถึงปัญหาของประชาชนได้อย่างทั่วถึง ไม่ใช่เพียงแค่การมองภาพรวมของจังหวัด แต่ต้องมองให้ลึกลงไปยังความเดือดร้อน โดยเฉพาะการลดขั้นตอนการทำงานของรัฐบาลที่ทำให้การช่วยเหลือเป็นไปอย่างล่าช้า

“ผมเชื่อว่าครอบครัวพลังประชารัฐ จะสามารถสร้างพลังพัฒนาสุราษฎร์ธานี ทั้ง 6 เขต จะช่วยทำให้พี่น้องฐานราก อิ่มท้อง มีอาชีพ มีรายได้ มีชีวิตที่ดีขึ้น”

ศ.ดร. นฤมล ยืนยันว่า พรรคพลังประชารัฐพร้อมส่งตัวแทนผู้สมัคร ส.ส.สุราษฎร์ธานีลงทุกเขต ตั้งเป้าหมายไม่ว่าในอนาคตตนเอง และ ร.อ.ธรรมนัส จะมีตำแหน่งทางการเมืองหรือไม่ ก็จะยังเดินหน้าแก้ปัญหาเรื่องที่ดินทำกินให้กับชาวบ้านต่อไป เพราะเป็นปัญหาใหญ่ที่ไม่มีใครแก้ได้ แต่ที่ผ่านมา ร.อ.ธรรมนัส ก็ดำเนินการอย่างเต็มความสามารถเพื่อยึดคืนที่ดินจากนายทุนกลับมาให้พี่น้องประชาชนได้มีที่ทำกิน รวมถึงบัตรสวัสดิการรัฐ ที่จะดูแลตั้งแต่ในครรภ์มารดาจนถึงเชิงตะกอน ในการแก้ปัญหาความยากจนอย่างยั่งยืน และการแก้ปัญหาของสินค้าทางการเกษตรที่จะต้องมีการตลาดนำ มีตลาดส่งออก และการแปรรูปสินค้า

“ไม่ได้ต้องการอำนาจ ไม่ได้ต้องการผลประโยชน์ แต่เราต้องการมาแก้ปัญหาเพื่อประชาชนอย่างแท้จริง ด้วยเป้าหมายเดียวกันคือการแก้ปัญหาอย่างไรให้ประชาชนอยู่ดีกินดีแบบยั่งยืน”

ที่มา : facebook.com/PPRPThailand/
เมื่อวันที่ : 30 พฤศจิกายน 2564

“ดร.นฤมล” ผนึกทีม ส.ส.กรณิศ เดินหน้าช่วยเหลือชาวคลองเตย-วัฒนา

, ,

“ดร.นฤมล” ผนึกทีม ส.ส.กรณิศเดินหน้าช่วยเหลือชาวคลองเตย-วัฒนา เปิดโฉมว่าที่ผู้สมัคร ส.ก. พร้อมทำงานเข้าพื้นที่แก้ปัญหาชุมชนตรงจุด

“ดร.นฤมล” พร้อมทีมงาน ลงพื้นที่ฟังเสียงสะท้อนประชาชนเขตคลองเตย-วัฒนา เพื่อแก้ปัญหาปากท้องให้ครอบคลุมทุกมิติ ทั้งเศรษฐกิจ สังคม และสิ่งแวดล้อม รวบรวมข้อมูลทุกประเด็น สู่การวางนโยบาย ยกระดับคุณภาพชีวิตคนในชุมชน พร้อมฝากตัวว่าที่ผู้สมัคร ส.ก. เข้ามาทำงาน ดูแลประชาชนในพื้นที่

วันที่ 8 พฤศจิกายน 2564 ศ.ดร.นฤมล ภิญโญสินวัฒน์ เหรัญญิกพรรคพลังประชารัฐ (พปชร.) ในฐานะตัวแทนของพลเอกประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรี และหัวหน้าพรรคพลังประชารัฐ (พปชร.) ,ร้อยเอก ธรรมนัส พรหมเผ่า เลขาธิการพรรคพลังประชารัฐ (พปชร.) พร้อมด้วยนางกรณิศ งามสุคนธ์รัตนา ส.ส.กรุงเทพฯ เขตคลองเตย-วัฒนา พรรคพลังประชารัฐ ได้ลงพื้นที่พร้อมกับนายต่อศักดิ์ ใหลสุวรรณ ว่าที่ผู้สมัครสมาชิกสภากรุงเทพมหานคร (ส.ก.) เขตคลองเตย และ นาย พลศักดิ์ แดงบัว ว่าที่ผู้สมัครสมาชิกสภากรุงเทพมหานคร (ส.ก.)เขตวัฒนาพบปะประชาชนพูดคุย และรับฟังปัญหาความเดือดร้อนเรื่องปากท้องประชาชนซึ่งส่วนใหญ่ในพื้นที่ดังกล่าว เป็นกลุ่มผู้มีรายได้น้อย หาเช้ากินค่ำ และผู้ด้อยโอกาส ที่ต้องการความช่วยเหลือและการสนับสนุนด้านระบบสาธารณูปโภคขั้นพื้นฐาน ซึ่งจำเป็นต้องแก้ปัญหาแบบบูรณาการทุกภาคส่วน ด้วยการผลักดันให้เป็นนโยบายเพื่อให้สามารถดำเนินการได้อย่างตรงตามเป้าหมายที่ชาวชุมชนต้องการ

ทั้งนี้ที่ผ่านมา ส.ส.ในพื้นที่ได้ดำเนินการด้านการส่งเสริมอาชีพ ควบคู่ไปกับการสร้างงานและการสร้างรายได้ผ่านช่องทางออนไลน์ ในช่วงสถานการณ์ที่ต้องเผชิญกับโควิด 19 และยังดูแลด้านความปลอดภัยในชีวิตและทรัพย์สิน จึงเข้าไปดำเนินการติดตั้งไฟส่องสว่าง ใช้ระบบโซล่าร์เซลล์ตามตรอกซอกซอยต่างๆ และ ยังช่วยเหลือการเข้าถึงระบบด้านสาธารณสุขในช่วงการแพร่ระบาด ด้วยการจัดหารถวีลแชร์ และบริการรถฉุกเฉินรับส่งผู้ป่วย เพื่อดูแลคุณภาพชีวิตของคนในชุมชนให้ดีขึ้น

ศ.ดร.นฤมล กล่าวด้วยว่า ในอนาคตเชื่อว่าพรรคพลังประชารัฐจะสามารถเข้าถึงปัญหา และรับใช้ประชาชนได้มากขึ้นเพราะ ขณะนี้ พรรคอยู่ระหว่างการจัดทัพ เพื่อที่จะมีการวางตัว ส.ก. โดยผู้สมัครทุกเขต พรรคล้วนแต่คัดสรรบุคลากร ที่มีทั้งความรู้ ความสามารถ และมีความตั้งใจจริงที่จะเข้ามาดูแลประชาชนและพัฒนาชุมชนให้มีคุณภาพชีวิตที่ดีขึ้น

ทั้งนี้ ในพรรคได้มีการหารือ ร่วมกับ สส ทั้ง 12 คน ที่ต้องการให้มีการสนับสนุนผู้สมัคร สก และคนรุ่นใหม่ ที่มีความประสงค์จะเข้ามาทำงาน โดยจะเสนอไปยังพล.อ ประวิตร วงษ์สุวรรณ หัวหน้าพรรคพปชร เพื่อนำไปสู่แผนการจัดทีมผู้สมัครในทุกเขต ผ่านการสนับสนุนของสส.และว่าที่สส. เพื่อจัดทีมการทำงานให้กับพี่น้องประชาชนอย่างเป็นรูปธรรม และมั่นใจว่า ว่าที่ผู้สมัคร ส.ก. จะได้รับความไว้วางใจจากประชาชนในพื้นที่

นอกจากนี้ยังได้มอบถุงยังชีพ “เราจะไม่ทิ้งกัน” ให้กับชุมชนในพื้นที่ ประกอบด้วยเครื่องอุปโภคบริโภคที่จำเป็น ซึ่งแทนความห่วงใยจาก พลเอกประวิตร วงษ์สุวรรณ ที่มอบหมายให้ตนเองและคณะทีมงานเป็นตัวแทนในการมอบให้เพื่อบรรเทาความเดือดร้อน และลดภาระค่าครองชีพให้กับประชาชนที่ได้รับผลกระทบจากการแพร่ระบาดของเชื้อโควิด-19

นางกรณิศ งามสุคณธ์รัตนา ส.ส. เขตคลองเตย -วัฒนา พปชร. กล่าวว่า ว่าที่ผู้สมัคร ส.ก. ทั้งสองคนพร้อมที่จะเข้ามาดูแลประชาชนทั้งสองเขต ไม่ว่าจะเป็นความเดือดร้อนในเรื่องต่างๆ ทั้งด้านความเป็นอยู่ และ ด้านสุขอนามัย ซึ่งพร้อมทำงานเป็นทีม เพื่อดูแลประชาชนอย่างทั่วถึง

ทั้งนี้ เห็นว่าการทำงานระดับชาติ และท้องถิ่นควรเป็นทีมเดียวกัน เวลาประชาชนร้องเรียนขอความช่วยเหลือเพื่อแก้ไขปัญหาต่างๆจะได้มีการประสานในทีมเดียว จากท้องถิ่นไปสู่ระดับชาติ เพราะรู้ว่า ชุมชน ใน 2 เขต นี้ต้องการอะไร มีเรื่องเดือดร้อน พร้อม แก้ไขปัญหาและสนับสนุนให้ชุมชน มีคุณภาพชีวิตที่ดีขึ้น

“ขอขอบคุณหัวหน้าพรรคในการสนับสนุนถุงยังชีพ ถุงปันสุข ให้กับชุมชนเทพประทาน 1,000 ชุด ในครั้งนี้ เป็นการแบ่งเบาภาระให้กับประชาชน ที่ได้รับผลกระทบจากการแพร่ระบาดโควิด-19 ซึ่งชุมชนดังกล่าวมีทั้งผู้ติดเชื้อ และ ผู้เสียชีวิตจำนวนมาก ซึ่งเรายังทำงานอย่างต่อเนื่องนับตั้งแต่สมัย เป็น สก. มา 2 สมัย”

ที่มา : facebook.com/PPRPThailand/
เมื่อวันที่ : 8 พฤศจิกายน 2564